เมนู

โศกและปริเทวทุกข์ และโทมนัสขัดเคืองใจ น ปริมุจฺจนฺติ มิได้พ้นจากกองทุกข์เลย
ขอถวายพระพร ฝ่ายพระอริยสาวกผู้มีศีลสังวร มิได้ยินดีในอายตนะภายนอกภายใน คือรูป
เสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพารมณ์ มิได้สรรเสริญเชยชมว่าดี มิได้มีความรักใคร่ กระทำใจเบื่อหน่าย
มิได้ปรารถนา ก็ดับซึ่งตัวตัณหา ดับอุปทาน ดับภพ ดับชาติ ดับชราทุกข์มรณทุกข์โสกทุกข์
ดับโทมนัสสุปายาสทุกข์สิ้น ดับซึ่งกิเลสทุกขขันธขาดจากสันดานเป็นสมุจเฉทประหาน ดุจ
ต้นตาลมียอดอันขาดมิได้กลับเกิดได้ ดังนี้แหละเรียกว่าองค์พระนิโรธ พระพุทธฎีกาโปรดไว้ว่า
นิพพาน ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระทัยโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็นเจ้า
วิสัชนามานี้สมควรแล้ว
นิโรธนิพพานปัญหา คำรบ 8 จบเท่านี้

นิพพานลภนปัญหา ที่ 9

ราชา

สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาค-
เสน
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสนผู้เจริญด้วยปรีชา ตกว่าคนทั้งหลายนี้ได้นิพพานด้วยกันสิ้น
หรือประการใด
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ไม่ได้ด้วยกันทั้งสิ้น
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสถามว่า เหตุไฉนจึงไม่ได้
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารผู้ประ
เสริฐ คนทั้งหลายเกิดมา จะได้พระนิพพานสิ้นด้วยกันหามิได้ สมฺมาปฏิปนฺโน อภิญฺเญยฺย
ต่อเมื่อไรปรนนิบัติเป็นสัมมาปฏิบัติไปให้รู้ธรรมอันวิเศษ ได้ธรรมอันวิเศษ ดำริจิตจะจำเริญซึ่ง
วิเศษนั้น ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปชหนฺโต จะเสียซึ่งธรรมอันลามา ภาเวนฺโต ยกจิตจำเริญซึ่ง
ภาเวตัพพธรรม คือจำศีลภาวนาไป สจฺฉิกโรนฺโต กระทำให้แจ้งซึ่งธรรมอันควรจะกระทำให้
แจ้งนั้น คืออรหัตผลญาณ ก็จะได้พระนิพพานด้วยประการฉะนี้ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีก็ทรงพระโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ ผู้เป็นเจ้ากล่าว
นี้สมควรแล้ว
นิพพานลภนปัญหา คำรบ 9 จบเท่านี้


นิพพานสุภาวชานนปัญหา ที่ 10


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้จำเริญด้วยปรีชาญาณ คนทั้งหลายที่ยังไม่ได้พระนิพพาน รู้หรือว่าพระ
นิพพานเป็นสุข
พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร คนที่มีตัณหา
อุปาทานนี้ถึงยังไม่ได้พระนิพพานก็เอาเถิด ที่มีปรีชาพระเสริฐก็รู้ว่าพระนิพพานนี้เป็นเอกันต-
บรมสุขมาทุกข์มิได้
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตรัสตรัสซักไซ้ว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา
ญาณ คนทั้งหลายที่ยังไม่ได้พระนิพพานนี้จะรู้ว่าพระนิพพานเป็นสุขอย่างไร
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ
คนทั้งหลายที่เกิดมาทีเท้าและมือเป็นปรกติ ไม่ต้องตัดตีนสินมือ รู้หรือไม่ว่าคนที่ต้องตัดตีนสิน
มือนี้เป็นทุกข์ ขอถวายพระ
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรมีพระราชโองการตรัสว่า คนทั้งหลายที่ยังไม่ต้องตัด
หัตถบาทา ก็รู้ว่าคนที่ต้องตัดหัตถบาทานี้เป็นทุกข์เจ็บปวดซิ น่ะพระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนจึงซักถามว่า เหตุไฉนเล่าจึงรู้ น่ะบพิตรพระราชสมภาร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการแก้ว่า คนทั้งหลายที่มีหัตถบาทา
เป็นปรกติอยู่นั้น เห็นคนเป็นโทษที่สมเด็จพระบรมกษัตริย์ทรงพระโกรธลงพระราชอาญา ให้
ตัดหัตถบาทาเสียนั้น ปริเทวนฺตานํ ร้องไห้ร่ำไรครางครวญไป คนทั้งหลายได้ยินได้เห็น เขาจึง
รู้ว่าตัดหัตถบาทานี้เป็นทุกข์อย่างนี้ นี่แหละพระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดเล่า ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้เป็น
มหิศราธิบดี คนทั้งหลายที่เป็นโลกีย์ยังไม่ได้พระนิพพาน ครั้นทัศนาการเห็นที่ท่านได้พระ
นิพพานได้ฟังว่าพระนิพพานที่ท่านได้นั้นเป็นสุข ดูท่านก็หาทุกข์มิได้ ก็เข้าใจว่าเป็นสุขแสนสบาย
มีครุวนาดุจคนทั้งหลายอันเห็นคนที่ต้องตัดหัตถบาทา ปริเทวนาการร้องไห้ ร้องครางไป ได้ยิน
กับหู จึงรู้ว่าคนที่ต้องตัดหัตถบาทานี้เป็นทุกข์เหลือที่จะเวทนา ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรได้ทรงฟังก็ทรงพระโสมนัสตรัสว่า กลฺโลสิ พระผู้เป็น
เจ้านี้ช่างอุปมาสมควรนักหนาในกาลบัดนี้
นิพพานสุภาวชานนปัญหา คำรบ 10 จบเท่านี้
จบอจุตถวรรค